UFABETWINS ในกีฬาชกมวยแค่โยนผ้าขาวยอมแพ้ทุกอย่างก็จบลง ณ ตรงนั้น ไฟต์ต่อไปจะเป็นอย่างไรก็เป็นเรื่องของอนาคต
อย่างไรก็ตามในชีวิตจริงนั้นหากเกิดยอมแพ้ขึ้นมาเเล้วต่อให้โยนผ้าขาวเป็น 100 ผืน สิ่งที่เกิดขึ้นเเล้วไม่ได้จบลงแค่ตรงนั้น ทุกอย่างยังต้องดำเนินต่อไปและนั่นหมายความว่าผู้แพ้จะต้องปรับตัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น
ให้ได้ นี่คือเรื่องราวของ วินนี่ ปาซ แชมป์โลก 2 รุ่นรวม 5 สมัย ครั้งแรก ครั้งที่สอง ครั้งที่สาม ไม่เท่าไหร่เพราะมันเกิดขึ้นในวันที่เขายังหนุ่มยังเเน่นและฟิตที่สุดเท่าที่เคยเป็น ทว่าครั้งต่อไปนี่สิต้องเรียกว่าปาฏิหาริย์ เพราะเขาขึ้น
ชกหลังจากร้างเวทีไปถึง 14 เดือน ด้วยร่างกายที่ดามไปด้วยเหล็กทั่วตัว และสภาพที่ตอนแรกหมอเคยบอกไว้ว่า “แค่เดินก็ยังไม่ต้องหวัง” ติดตามจุดเปลึ่ยนกับการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต ในฐานะคนคนหนึ่งของ วินนี่ ปาซ
ได้ที่นี่ ชายที่กำลังไล่หลัง 4 จตุรเทพ ในช่วงปลายยุค 70s ต่อยุค 80s เรียกได้ว่าเป็นยุคทองของมวยรุ่นน้ำหนักเบาเลยก็ว่าได้ หลังจากที่ยุคเฮฟวี่เวตจบลงพร้อมๆกับยุคสมัยของ โจ เฟรเซียร์, จอร์จ โฟร์แมน และ มูฮัมหมัด
อาลี ที่ทำให้กระแสของรุ่นใหญ่ก็จางไป ก็เป็นช่วงเวลาที่มีนักชกรุ่นน้ำหนักเบาโผล่ขึ้นมาทีเดียว 4 คน ที่คอมวยยุคนั้นเรียกกันว่า “จตุรเทพ” ซึ่งประกอบด้วย โรแบร์โต้ ดูรัน,โทมัส เฮิร์น,มาร์วิน แฮคเลอร์ และ ชูการ์ เรย์
เลียวนาร์ด ที่ขึ้นชกกันเมื่อไหร่บัตรขายเกลี้ยงเมื่อนั้น ณ นาทีนั้นยากมากที่จะมีนักมวยคนใดสอดแทรกขึ้นมายืนในตำแหน่งจุตรเทพได้ และทั้ง 4 กลายเป็นแรงบันดาลใจของนักมวยรุ่นน้ำหนักเบาที่หวังจะไปยืนในจุดที่ยิ่ง
ใหญ่ทั้งชื่อเสียงและตำแหน่งแชมป์ นอกจากนี้ยังรวมถึงการทำเงินมหาศาลแบบที่มวยรุ่นน้ำหนักนี้ไม่เคยทำได้มาก่อนอีกด้วย หนึ่งในเด็กหนุ่มที่จับตาดูกระแสของโลกหมัดมวยอย่างใกล้ชิดคือ วินนี่ ปาเซียนซ่า หรือ
“วินนี่ ปาซ” ที่กำลังเดินบนเส้นทางแห่งแชมเปี้ยนเหมือนกับไอดอลของเขา ปี 1983 วินนี่ สามารถเทิร์นโปรและขึ้นชกเป็นครั้งแรก จากนั้นเส้นทางของเขาก็สดใสในระดับหนึ่ง เรียกได้ว่าแม้จะไม่ใช่ดาวรุ่งพุ่งแรงระดับเป็นที่คาด
หวังของวงการ แต่ก็เป็นชัยชนะได้เรื่อยๆจนเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาในยุคที่กลาง 80 ที่เหล่าจตุรเทพแต่ละคนเริ่มโรยราลง จนเริ่มมีคนเรียกเขาด้วยฉายา “ปาซมาเนี่ยน เดวิล” ล้อเลียนกับชื่อสัตว์ Tasmanian Devil ที่เป็นสัตว์

ที่มีช่วงกรามเเข็งที่สุดในบรรดาสัตว์กินเนื้อขนาดเล็กนั่นเอง ฉายาของเขาบอกทุกอย่าง ปาซมาเนี่ยน เป็นมวยน้ำอดน้ำทนดี และบู๊แลกตลอดจนเป็นขวัญใจแฟนมวย แม้จะไม่ได้ชนะตลอดแต่การสู้จนหยดสุดท้าย ได้เลือด
แทบทุกไฟต์ ไม่ว่าจะเลือดคนอื่นหรือเลือดตัวเอง ทำให้ชื่อเสียงของ ปาซมาเนี่ยน โด่งดังขึ้นมาจนหลายคนเริ่มจับตามองเขามากขึ้น ด้วยการคว้าแชมป์ ไลท์เวต ในปี 1987 ก่อนจะพีกสุดๆในช่วงปลายยุค 80s ที่เอาชนะ
รอน อามันด์เซ่น และ กิลเบิร์ต เดเล่ คว้าแชมป์รุ่นไลท์ มิดเดิลเวต 2 สถาบันทั้ง WBA และ IBC ทว่าชีวิตของคนเรานั้นไม่มีอะไรที่แน่นอนสักอย่าง แม้กระทั่งเรื่องของความตาย ที่ไม่รู้จะมาเยือนเราเมื่อไหร่ บางครั้งที่คิดว่าคงจะ
ต้องตายแน่ๆกลับไม่ตาย เเละนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับ วินนี่ ปาซ ในปี 1991 ในช่วงชีวิตที่ดีที่สุดของอาชีพนักมวยและกำลังไล่หลัง 4 จุตรเทพในแบบที่เขาอยากจะเดินตามรอย ปาซ กลับประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างรุนแรง
ชนิดที่ว่าเมื่อเข้าโรงพยาบาลและถึงมือหมอแล้ว สิ่งที่หมอตอบกลับมาทันทีคือบอกให้ทุกคนลืมเรื่องการป้องกันแชมป์ของ วินนี่ ปาซ ไปได้เลย เพราะหลังจากนี้เขามีไฟต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตรออยู่ นั่นคือการเอาชีวิตรอดและ
สู้กับโรคภัยไข้เจ็บที่แรงเกินกว่าที่ใครคาดไว้ 14 เดือนตัดสินชะตา มันยากเกินจะคาดเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น จะเป็นตายร้ายดี กลับมาเป็นปกติหรือพิการตลอดชีวิต พระเจ้าเท่านั้นที่เป็นผู้ตัดสิน การโยนเหรียญ
เสี่ยงทายชะตาของ วินนี่ ปาซ ออกมาแบบแทงกั๊กนั่นคือจะดีก็ไม่ใช่ จะร้ายที่สุดจนถึงขั้นเสียชีวิตก็ไม่ถึงขนาดนั้น เพียงแต่ว่าเขาต้องอยู่อย่างคนพิการที่ร่างกายไม่สมบูรณ์ แม้หมอรักษาเขาอย่างเต็มที่ แต่อย่างไรก็ไม่เหมือน
เดิม เขาต้องใส่เหล็กประคองที่กระดูกสันหลังและคอ เพื่อให้ทรงตัวอยู่ได้ ส่วนเรื่องการกลับมาเดินได้หรือไม่นั้นแพทย์ผู้ดูแลอาการบอกว่า “ไม่น่าจะเป็นไปได้” “ไม่มีทางหมอ มาพูดอะไรแบบนั้น อย่าว่าแต่เดินเลย ลูกชาย
ของผมมีโปรเเกรมจะชกในเดือนหน้า เขาจะต้องทำได้สิ เขาเป็นนักสู้อยู่แล้ว วินนี่ คืออัญมณีที่เปล่งประกายที่สุดในโลก” แองเจโล่ ปาเซียนซ่า พ่อของ วินนี่ ว่าไว้หลังได้ยินคำวินิจฉัย ความรู้สึกของคนที่เคยเเข็งแกร่งและ
ช่วยตัวเองมาได้ตลอดชีวิต เมื่อได้พบว่าวันหนึ่งร่ายกายที่เคยมีไม่ใช่ของตัวเองอีกต่อไป เขาจะต้องนอนติดเตียงและลุ้นให้เกิดปาฎิหาริย์ นั่นคือสิ่งที่ยากจะทำใจยอมรับ เขากำลังจะเดินขึ้นถึงยอดเขา แต่กลับโดนถูกถีบลงมา
และเอาดินกลบจนมิด ณ ตอนนี้สิ่งเดียวที่จะทำให้เขาทะลุการถูกฝังขึ้นมาได้คือ “พลังใจและความเชื่อมั่นเท่านั้น” ยอมแพ้เเล้วได้อะไร? เพราะต่อให้ยอมแพ้ก็ยังหนีความจริงไม่พ้นอยู่ดี เขายังไม่ตาย และยังต้องสู่กับสิ่งที่เกิด
ขึ้นแบบเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นขอเลือกสู้จนหยดสุดท้ายยังดีเสียกว่า “ทำไมผมจะไม่รู้ว่าผมกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากที่สุดในชีวิต คอของผมเกือบหัก และทำอะไรแทบไม่ได้ สิ่งเดียวที่ผมคิดได้คือต้องเสี่ยงที่จะสู้ต่อไป
ผมต้องทอยลูกเต๋าแห่งโชคจะตา จะเสี่ยงแค่ไหนก็ต้องลองดู” การนอนติดเตียงไปตลอดชีวิตก็ไม่ต่างจากการนอนรอความตาย นั่นคือสิ่งที่ วินนี่ จะสื่อ เขาใช้เวลานอนอยู่บนเตียงราว 3 เดือนและรู้สึกว่ายิ่งนอนสภาพจิตใจของ
เขาก็ยิ่งแย่ลง ดังนั้นเขาจึงทำในสิ่งที่หมอห้าม นั่นคือการลุกขึ้นมาและออกกำลังกายเท่าที่จะทำได้ แม้จะเสี่ยงถึงชีวิตก็ตาม เพราะถ้าหากเขาดูแลตัวเองไม่ดี เขาจะต้องกลายเป็นอัมพาตไปตลอดชีวิต สิ่งที่เกิดขึ้นจากนี้คือเกม

เดิมพัน ที่ วินนี่ ปาซ เรียกมันว่า “เกมชีวิต” ถ้าพลาด โอกาสแก้ตัวจะไม่มีอีกเเล้ว และเขาจะจมลงบนเตียงกลายเป็นคนที่ขยับไปไหนไม่ได้อีกต่อไป ปรัชญาของ วินนี่ วินนี่ ปาซ เริ่มไม่กลัวตายหลังจากติดเตียงอยู่ได้ 3 เดือน
เขาเริ่มจากการโยนลูกบอลเด้งกับกำแพงที่โรงพยาบาล อย่างน้อยๆให้ส่วนที่ไม่เจ็บไม่ปวดได้เคลื่อนไหว ทำให้ร่างกายสดชื่น และทำให้จิตใจฮึกเหิมมากกว่าการอยู่เฉยๆ “แผนการที่ผมเตรียมไว้สำหรับเกมชีวิตของผมคือผม
ต้องทำร้ายตัวเองก่อน แม้จะเจ็บอยู่บ้างก็ต้องทำ เริ่มจากการเล่นกับลูกบอลก่อนเป็นอันดับแรก คุณรู้ดีว่าปัญหาเกิดกับคุณทุกด้านแต่ปรัชญาคือสิ่งที่จะ
ทำให้คุณผ่านมันไปได้ คุณต้องห้ามยอมแพ้ นั่นคือปรัชญาชีวิตของผมชีวิตที่ไม่สู้ ไม่ต่างอะไรกับการไม่มีชีวิต” วินนี่ ว่ากับ MenHealth
คลิ๊กเลย >>> https://www.ufabetwins.com/
อ่านข่าวเพิ่ม >>> บ้านผลบอล